จับ ! นักมวยดัง วัย 18 เจอพิษโควิดผันตัวค้ายาบ้า ของกลางกว่าแสนเม็ด

จับ ! นักมวยดัง วัย 18 เจอพิษโควิดผันตัวค้ายาบ้า ของกลางกว่าแสนเม็ด

บุกรวบตัว “ประกายดาว” นักมวยวัย 18 ปี ผันตัวค้ายาบ้า ของกลางกว่า 100,000 เม็ด สารภาพมีอาชีพเป็นนักมวย แต่เจอพิษโควิด ทำไม่ได้ขึ้นชก 2 ปี ก่อนตัดสินค้ายานรก นายกำปั้น (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ซึ่งภายหลังการแถลงข่าวการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น พบของกลางยาบ้า จำนวน 174,000 เม็ด โดยก่อนหน้านี้ผู้ต้องหามีอาชีพเป็น นักมวย เจ้าของฉายา ประกายดาว ฮอนเนอร์มวยไทย ผ่านการขึ้นชกมาแล้วกว่า 30 ครั้ง

โดยนักมวยหนุ่มสารภาพว่า 

หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่ได้ขึ้นชกมานานกว่า 2 ปี จนไม่มีเงินใช้จ่าย ก่อนตัดสินใจติดต่อรับยาบ้ามาจำหน่ายจากคนรู้จัก วันที่ถูกจับกุมตัว นายกำปั้น ได้นำยาบ้าจำนวนมากมาไว้เพื่อรอจำหน่ายที่บ้านพัก โดยยาบ้าทั้งหมดเป็นของ นายท็อป คนภูกระดึง รู้จักกันเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่ร้านอาหารในเขต อ.ชุมแพ และรับปากจะมารับยาบ้า ภายในวันสองวันนี้ ซึ่งนักมวยหนุ่มได้รับค่าจ้างสำหรับขนยาบ้ามาไว้ที่บ้านพักครั้งนี้ 19,000 บาท ซึ่งได้ทำครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกทำเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ได้รับค่าจ้าง 10,000 บาท เงินที่ได้จากการรับยามาพักก็จะนำมาใช้จ่ายส่วนตัว เที่ยวเตร่และเล่นการพนันออนไลน์

ทั้งนี้ หลังการสอบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว ประกายดาว นักมวยวัย 18 ปี ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แอบเข้ามือถือคนอื่น แอบเอา id หรือ password ผู้อื่นไปแอบดูข้อมูลของบุคคลอื่น มีสิทธิ์ถูก จำคุก เเละ ปรับ หลังเกิดกรณี มือโพสต์ปริศนา เฟซบุ๊ก แตงโม นิดา จากกรณีข่าว มือโพสต์ปริศนา แอบเข้าใช้งานบัญชีโซเชียลมีเดียของ “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ซึ่งเป็นการเข้าถึงข้อมูลซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว โดยมิชอบ มีการลงข้อมูลภาพ พร้อมกับระบุข้อความพาดพิงถึงผู้อื่น กระทั่งก่อให้เกิดความเสียหายตามมานั้น ล่าสุด เฟซบุ๊กแฟนเพจ ตำรวจสอบสวนกลาง ได้ออกมาให้ข้อมูลวันนี้ (25 พ.ค.65) ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับข้อกฏหมายความผิดฐานการแอบเข้าโทรศัพท์ของผู้อื่น หรือเข้าใช้งานสื่อโซเชียลมีเดียของผู้อื่นหรือการแฮ็กเกอร์เข้าไปโดยมิชอบ ที่ถือเป็นพื้นที่ข้อมูลส่วนตัว

โดยหากแอบเข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์ของผู้อื่น ที่มีการตั้งรหัสป้องกันไว้ ก็จะเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พรบ.คอมฯ มาตรา 7 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ การแอบเข้าใช้งานบัญชีโซเชียลของคนอื่น หากก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของ สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียง หรือใช้หลอกลวงผู้อื่น การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่นโดยมิชอบ ตามแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 หากผู้เสียหายได้รับความเสียหายก็มีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนได้จากผู้กระทำความผิดได้

ทนายเดชา วอนรถทัวร์ย้ายไปที่อื่น หลัง ถอนตัวคดีแตงโม ลั่นไม่ยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว

ทนายเดชา วอนรถทัวร์ย้ายไปที่อื่น หลัง ถอนตัวคดีแตงโม ลั่นไม่ยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว พร้อมขอโทษทุกคนที่เห็นไม่ตรงกับตน ทนายเดชา หรือ นาย เดชา กิตติวิทยานันท์  อดีตทนายความของแม่แตงโม หรือ พนิดา ศิริยุทธโยธิน ได้ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กเพิ่มเติมหลังจากที่ตนเพิ่งประกาศถอนตัวคดีแตงโม ในวันนี้ (26 พ.ค. 65)

โดย ทนายเดชา ได้ออกมาขอให้ “รถทัวร์ย้ายไปที่อื่น” พร้อมขอโทษทุกคนที่เห็นไม่ตรงกันกับเขา ซึ่งข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “รถทัวร์ย้ายไปที่อื่นได้แล้วนะครับผมคงไม่ยุ่งเกี่ยวกับคดีแตงโมอีกต่อไป นับแต่นี้ ที่ผ่านมาต้องกราบขออภัยทุกคนที่เห็นไม่ตรงกับผม”

ขณะเดียวกันชาวเน็ตก็ได้แสดงความเห็นต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจทนายเดชา และคิดว่าการที่ทนายเดชาถอนตัวเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ขณะที่บางส่วนก็ได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของทนายเดชาในระหว่างการทำคดี

ทนายตั้ม โพสต์เห็นใจ หนุ่ม กรรชัย หลังมือปริศนาใช้ เพจแตงโม โจมตีไม่หยุด ซัดถ้าคนในครอบครัวเรียกร้องอย่างจริงใจ คงไม่เป็นแบบนี้ นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กพูดถึงกระแส มือปริศนา ที่ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กแตงโม นิดา ไม่หยุดรวมถึงกล่าวหาว่า น้องชายภรรยาของหนุ่ม กรรชัย เป็นเพื่อนรักกับ นายปอร์ หรือ ไฮโซปอ และมีการเตรียมคำถามไว้ดั่งที่รายงานก่อนหน้านี้นั้น

ทนายตั้มได้ออกมาแสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า “วันนี้คุยกับคุณหนุ่ม กรรชัย เห็นใจแกเหมือนกันนะครับ ที่ถูกบุคคลปริศนาที่พอจะคาดเดาได้ว่าเป็นใคร เล่นเกมส์สกปรก ใช้โซเชียลในชื่อของแตงโมพูดให้ร้ายเขาไม่หยุด

อยากให้เข้าใจว่า หลายคนที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในชีวิตจริง แฟนเขา หรือแค่คนรู้จัก ทำตัวกันลำบากมาก กับกระแสสังคมที่แสนเอาแต่ใจ เขียนถึงน้องมากไปก็หิวแสง เขียนถึงน้องแตงโมน้อยไปก็ดูเพิกเฉย บางคนไปให้ค่ามิจฉาชีพที่เข้าถึงแอคเคาท์ผู้ตาย ที่ปล่อยทั้งภาพศพ ภาพส่วนตัว และข้อมูลอื่นๆ เพื่อดิสเครดิตคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี จนเสียหายกันไปหมด คนที่โดนหนักสุดก็คือแตงโม น่าสงสารมากๆ

ผมว่าถ้าคนในครอบครัว ที่มีอำนาจทางกฎหมายเต็มที่ มีแอคชั่นที่เหมาะสม เรียกร้องความเป็นธรรมให้เธออย่างจริงใจแต่แรก คงไม่เป็นแบบนี้”

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป